ปัญหาและเทคนิคในการทำงานก่อสร้างโครงสร้างประเภทต่างๆ

สวัสดีครับแฟนเพจที่รักทุกๆ ท่าน

วันนี้ผมจะขออนุญาตมาทำการโพสต์และแชร์ความรู้เกี่ยวกับเรื่อง ปัญหาและเทคนิคในการทำงานก่อสร้างโครงสร้างประเภทต่างๆ มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ

 

เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ได้มีเพื่อนท่านหนึ่งที่เป็นแฟนเพจที่น่ารักของพวกเราได้ให้ความกรุณาทำการสอบถามปัญหาเข้ามาข้อหนึ่งที่มีใจความว่า

 

“ขออนุญาตสอบถามครับ ในการทำโครงถัก ระหว่าง หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง กับ หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง อันไหนจะใช้งานได้ดีกว่ากันและเพราะอะไรครับ พอดีผมมีโครงการที่จะต่อเติมขยายบ้านกับร้านค้าและไม่ชอบที่มีเสาเยอะๆ เคยเห็นเขาทำแบบโครงถักแต่ไม่รู้รายละเอียดชนิดและขนาดเหล็กที่ใช้ เลยรบกวนสอบถามครับ ผมรอคำแนะนำอยู่นะครับ”

 

ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณแฟนเพจท่านนี้เสียก่อนที่ได้ให้ความกรุณาสอบถามปัญหากันเข้ามาและโดยส่วนตัวแล้วตัวของผมเองก็เชื่อเหลือเกินว่าเพื่อนๆ ของเราหลายๆ คนในเพจๆ นี้ก็น่าที่จะได้รับประโยชน์จากคำถามข้อนี้เช่นเดียวกันนะครับ

 

จริงๆ หากดูรายละเอียดของปัญหาข้อนี้ก็จะพบว่า ผมเคยได้ให้ความรู้แก่เพื่อนๆ ในประเด็นๆ นี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะขอกล่าวซ้ำกันอีกสักรอบนั่นก็คือ หากว่าเราจะทำการเปรียบเทียบระหว่าง หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง กับ หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง ว่าชิ้นส่วนโครงสร้างเหล็กแบบใดเมื่อหน้าตัดนั้นๆ จะต้องทำหน้าที่รับแรงใดๆ ก็ตามที่มีขนาดและกระทำในทิศทางเดียวกัน หากว่าเราใช้หน้าตัดของเหล็กที่มีขนาดเท่าๆ กัน ซึ่งก็หมายความว่า ขนาดน้ำหนักของเหล็กที่ใช้นั้นก็จะมีค่าเท่าๆ กันด้วย หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง ย่อมที่จะมีประสิทธิภาพมากกว่า หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง นะครับ

 

นั่นเป็นเพราะ หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง จะมีค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัด หรือ MOMENT OF INERTIA ที่มีค่าเท่าๆ กันในทุกๆ แกนรอบตัวของมันเอง ซึ่งค่าๆ นี้จะมีผลเป็นอย่างมากต่อการออกแบบและการคำนวณหาค่าความสามารถในการรับแรงต่างๆ ของหน้าตัดโครงสร้างเหล็ก เอาเป็นว่าไม่ต้องพูดเยอะให้เจ็บคอ เรามาดูตัวอย่างสั้นๆ ง่ายๆ กันสักข้อเลยก็แล้วกันครับ

ผมมี หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง และ หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง อยู่ 2 ชิ้นส่วน (ดูรูปที่ 1) หากดูในสี่เหลี่ยมสีแดง (ดูรูปที่ 2 และ 3) ก็จะพบว่า คุณสมบัติของหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง และ หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง จะมีขนาดของพื้นที่หน้าตัดที่เท่าๆ กันนั่นก็คือประมาณ 9.89 CM^(2) นะครับ ดังนั้น

 

Ag (TUBE) = Ag (PIPE) = 9.89 CM^(2)

 

โดยที่หน้าตัดทั้งสองนี้จะมีความแตกต่างกันที่ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัด โดยที่ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยรอบทุกๆ แกนของหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวงนั้นจะมีค่า มากกว่า ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง เริ่มต้นจากค่าโมเมนต์ความเฉื่อยรอบแกน x ของหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวงนั้นจะมีค่าเท่ากับ 319 CM^(4) ซึ่งจะมากกว่าค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดรอบแกน x ของหน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวงซึ่งจะมีค่าเท่ากับ 240 CM^(4) ดังนั้น

 

I x (TUBE) = 319 CM^(4) > I x (PIPE) = 240 CM^(4)

 

ต่อมาสำหรับค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดรอบแกน y ของหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวงนั้นจะมีค่าเท่ากับ 122 CM^(4) ซึ่งจะมีค่ามากกว่าค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดรอบแกน y ของหน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวงอยู่เล็กน้อยซึ่งค่าๆ นี้จะมีค่าเท่ากับ 120 CM^(4) ดังนั้น

 

I y (TUBE) = 122 CM^(4) > I y (PIPE) = 120 CM^(4)

 

สุดท้ายก็คือ ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดรอบแกน z ของหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวงนั้นจะมีค่าเท่ากับ 577 CM^(4) ซึ่งจะมากกว่าค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของหน้าตัดรอบแกน z ของหน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวงซึ่งจะมีค่าเท่ากับ 120 CM^(4) ดังนั้น

 

I z (TUBE) = 577 CM^(4) > I z (PIPE) = 120 CM^(4)

 

หากว่าหน้าตัดเหล็กทั้ง 2 นี้ต้องทำหน้าที่รับ แรงกระทำตามแนวแกน ที่มีขนาดเท่ากับ 5000 KGF เมื่อเราทำการวิเคราะห์โครงสร้างและออกแบบหน้าตัด สิ่งหนึ่งที่เราต้องสนใจก็คือ ค่าอัตราส่วนการออกแบบ หรือ DESIGN RATIO (DR) ซึ่งหากว่าหน้าตัดใดๆ ที่จะสามารถนำไปใช้งานให้มีความปลอดภัยในเชิงความแข็งแรงทางด้านวิศวกรรมโครงสร้างได้จะต้องมีค่าๆ นี้ที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.00 เสมอ ดังนั้น

 

DR (SAFE) ≤ 1.00

ดังนั้นหากยิ่งค่า DR นี้มีค่าน้อยเท่าใดก็แสดงว่า หน้าตัดนั้นๆ ของเราก็จะมีประสิทธิภาพต่อการรับแรงกระทำนั้นๆ ที่มากสลับกัน ซึ่งผลจากการออกแบบก็คือ (ดูรูปที่ 4) ต่อให้เราจะกำหนดค่าโมเมนต์ความเฉื่อยรอบทุกๆ แกนของ หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง ให้มีค่ามากกว่าค่าโมเมนต์ความเฉื่อยรอบทุกๆ แกนของ หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง แต่ว่าสุดท้ายแล้วค่าอัตราส่วนการออกแบบของ หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง นั้นก็จะมีค่า DR เท่ากับ 0.450 ส่วนค่าอัตราส่วนการออกแบบของ หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง นั้นก็จะมีค่า DR เท่ากับ 0.275 ดังนั้น

 

DR (TUBE) = 0.450 > DR (PIPE) = 0.275

 

ซึ่งจากผลการออกแบบข้างต้นก็จะแสดงให้เราเห็นได้ว่า หน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวง นั้นจะมีประสิทธิภาพต่อการรับแรงกระทำตามแนวแกนที่มีค่าสูงกว่า หน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง นั่นเองครับ

 

หวังว่าความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่ผมได้นำมาฝากแก่เพื่อนๆ ทุกๆ ท่านในวันนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อย และ จนกว่าจะพบกันใหม่นะครับ

#ปัญหาและเทคนิคในการทำงานก่อสร้างโครงสร้างประเภทต่างๆ

#อธิบายและยกตัวอย่างถึงประสิทธิภาพในการรับแรงกระทำระหว่างหน้าตัดเหล็กแบบกลมกลวงกับหน้าตัดเหล็กแบบสี่เหลี่ยมกลวง

ADMIN JAMES DEAN


บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด ผู้นำกลุ่มธุรกิจเสาเข็มสปัน ไมโครไพล์ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย การให้บริการตอกเสาเข็ม The Provision of Pile Driving Service และได้รับการรับรอง ISO 9001:2015 ของระบบ UKAS และ NAC รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองระบบบริหารงานคุณภาพ ตามมาตรฐานในกระบวนการ การออกแบบเสาเข็มสปันไมโครไพล์ การผลิตเสาเข็มสปันไมโครไพล์ และบริการตอกเสาเข็มเสาเข็มสปันไมโครไพล์ (Design and Manufacturing of Spun Micropile/Micropile and Pile Driving Service) Certified by SGS (Thailand) Ltd.

บริษัท ภูมิสยาม ซัพพลาย จำกัด คือผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ Endoresed Brand จาก SCG ด้านการผลิตเสาเข็ม สปันไมโครไพล์ และได้รับเครื่องหมาย มาตรฐาน อุตสาหกรรม มอก. 397-2524 เสาเข็มสปันไมโครไพล์ Spun Micro Pile พร้อมรับประกันผลงาน และความเสียหายที่เกิดจากการติดตั้ง 7+ Year Warranty เสาเข็มมีรูกลมกลวงตรงกลาง การระบายดินทำได้ดี เมื่อตอกแล้วแรงสั่นสะเทือนน้อยมาก จึงไม่กระทบโครงสร้างเดิม หรือพื้นที่ข้างเคียง ไม่ต้องขนดินทิ้ง ตอกถึงชั้นดินดานได้ ด้วยเสาเข็มคุณภาพมาตรฐาน มอก. การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จากประเทศเยอรมัน เสาเข็มสามารถทำงานในที่แคบได้ หน้างานสะอาด ไม่มีดินโคลน เสาเข็มสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ 15-50 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่กับขนาดเสาเข็มและสภาพชั้นดิน แต่ละพื้นที่ ทดสอบโดย Dynamic Load Test ด้วยคุณภาพและการบริการที่ได้มาตรฐาน เสาเข็มเราจึงเป็นที่นิยมในงานต่อเติม

รายการเสาเข็มภูมิสยาม

1. สี่เหลี่ยม S18x18 cm.

รับน้ำหนัก 15-20 ตัน/ต้น

2. กลม Dia 21 cm.

รับน้ำหนัก 20-25 ตัน/ต้น

3. กลม Dia 25 cm.

รับน้ำหนัก 25-35 ตัน/ต้น

4. กลม Dia 30 cm.

รับน้ำหนัก 30-50 ตัน/ต้น

(การรับน้ำหนักขึ้นอยู่กับสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่)

☎ สายด่วนภูมิสยาม:
082-790-1447
082-790-1448
082-790-1449
091-947-8945
081-634-6586

? Web:
bhumisiam.com
micro-pile.com
spun-micropile.com
microspunpile.com
bhumisiammicropile.com